เรื่องต้องรู้กับรถยนต์มาตรฐานยูโร ที่มีส่วนช่วยลดฝุ่นละอองในอากาศ

ควันรถ

ในปี 63 นี้สถานการณ์ไวรัสโควิด 19 เข้ามาหันหเหความสนใจในเรื่องอื่น ๆ ไปเสียหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญก็จริง แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่เรามองข้ามไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของ “มลพิษทางอากาศ” หากไม่มีสถานการณ์โควิดก็เชื่อเลยว่า ปัญหามลพิษฝุ่นละอองอย่าง PM2.5 ก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องกังวลใจกันต่อไปสำหรับเขตเมืองต่าง ๆ ซึ่งเราต่างรู้กันดีว่าปัญหาฝุ่นละอองที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี หลัก ๆ แล้วเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์รถยนต์ ซึ่งการขับขี่รถยนต์ในวันนี้ไม่เพียงต้องตระหนักเรื่องของของความปลอดภัย หรือเรื่องของการทำประกันภัยรถเท่านั้น แต่เรื่องของสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญด้วย

เรื่องของรถยนต์เป็นปัจจัยใหญ่ที่สร้างปัญหามลพิษทางอากาศ สิ่งนี้สร้างปัญหาไปทั่วโลก จึงเริ่มมีแนวคิดถึงการสร้างมาตรฐานไอเสียที่ปล่อยออกจากรถยนต์ เป็นการควบคุมไอเสียที่ปล่อยออกจากยานพาหนะแบบต่าง ๆ ที่ปัจจุบันเรียกกันว่า “มาตรฐานยูโร” แล้ววันนี้ในบ้านเรามีรถยนต์ที่มีมาตรฐานไอเสียตามต้องการนี่หรือยัง เรามาหาคำตอบกันได้เลย

รู้จักมาตรฐานยูโรให้ดีมากยิ่งขึ้น

ในการใช้รถ เรื่องของสมรรถนะ ความปลอดภัย และประกันภัยรถ เป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงเป็นสิ่งแรก ๆ แต่เรื่องของมลพิษก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราก็ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูเรื่องรถยนต์มาตรฐานยูโรส่งผลอย่างไรต่อการลดมลพิษทางอากาศ เราก็ต้องมารู้จักก่อนว่า มาตรฐานยูโร หรือ European Emission Standards นี้คืออะไร มาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานในเรื่องของการควบคุมมลพิษที่เกิดขึ้นจากระบบการเผาไหม้เชื้อเพลิงในยานพาหนะทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งกำหนดขึ้นมาโดยสหภาพยุโรป มาตรฐานนี้มีการกำหนดและเริ่มใช้กันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 (พ.ศ.2535) แล้ว ซึ่งมาตรฐานยูโรแรก จะถูกเขียนย่อ ๆ ว่าเป็น Euro 1 ซึ่งปัจจุบันบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีศูนย์การผลิตในต่างประเทศบางแห่ง เริ่มปรับระดับมาตรฐานรถยนต์ของตนให้มีมาตรฐานระดับ Euro 5 – 6 แล้ว

สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันรถยนต์ที่เราใช้กันอยู่จะเป็นรถยนต์ที่อยู่ในมาตรฐาน Euro 4 และในปี 2563 นี้ก็เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงจากมาตรฐาน Euro 4 เข้าสู่มาตรฐาน Euro 5 เห็นได้ชัดจากการเริ่มปรับตัวของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ซึ่งการที่อุตสาหกรรมรถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานยูโรก็ย่อมส่งผลต่อเรื่องของการตัดสินใจซื้อรถและเรื่องของการประกันภัยรถด้วยนั่นเอง เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่เราต้องรู้เอาไว้

มาตรฐานยูโรวัดค่าอะไรกันบ้าง

มาตรฐานยูโรที่ทางสหภาพยุโรปกำหนดไว้นั้นจะเป็นมาตรฐานสำหรับการวัดค่าระดับสารก่อมลพิษที่ออกมาจากไอเสียรถยนต์ อย่าง คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), สารไนโตรเจนออกไซด์ (NOx), ไฮโดรคาร์บอน (HC), อนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยจะมีการแบ่งระดับการวัดไปตามประเภท และขนาดของเครื่องยนต์ ยกตัวอย่างเช่น มาตรฐาน Euro 4 ที่ใช้กันในรถยนต์ประเทศไทย ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล กำหนดให้คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ต้องไม่เกิน 0.5 g/km, อนุภาคฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอน จะต้องไม่เกิน 0.025 g/km อย่างนี้เป็นต้น

อ้างอิงจาก : http://www.thaiauto.or.th/2012/th/news/news-detail.asp?news_id=4696

รถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ที่จะเข้ามาจะดีต่อเราอย่างไร

หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าการเปลี่ยนมาตรฐานจาก Euro 4 ไป Euro 5 ของเราจะส่งผลดีกับเราจริง ๆ หรือ ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะต้องทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนซื้อรถยนต์ใหม่ คิดถึงเรื่องการต่อหรือทำประกันภัยรถใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายและความวุ่นวายไม่น้อย ในแง่ของการปฏิบัติแล้วแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบกับการเงินและการวางแผนชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้ามองถึงองค์รวมในระยะยาว มาตรฐานรถยนต์ที่สูงขึ้นเป็นระดับ Euro 5 และอาจจะปรับเปลี่ยนเป็น Euro 6 ในอีกไม่ปีข้างหน้านี้ ส่งผลดีกับเราอย่างแน่นอน เพราะทางค่ายผู้ผลิตรถยนต์จะต้องมีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ระบบการเผาไหม้เชื้อเพลิงจะต้องดีขึ้น สมบูรณ์มากขึ้น จะต้องลดการส่งสารพิษออกมาสู่อากาศ  ซึ่งจะทำให้ค่าไอเสีย สารพิษ และฝุ่นพิษที่ถูกปล่อยออกมาจากรถยนต์แบบต่าง ๆ นั้นจะน้อยลง ทั้งหมดนี้ไม่ได้ดีแค่ตัวของเราเอง แต่ยังดีต่อครอบครัว คนที่เรารัก และดีต่อทุก ๆ ชีวิตบนโลกด้วย

เมื่อเราทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันสร้างมลพิษทางอากาศให้เกิดขึ้นจากการโดยสารขับขี่ ใช้รถยนต์ ใช้ถนน การยอมรับและเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง จึงเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำ รถยนต์มาตรฐานยูโรเป็นเพียงปัจจัยอย่างหนึ่งเท่านั้นที่เข้ามาเร่งให้เราต้องเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น แม้จะต้องลงทุนเพิ่มในการวางแผนเปลี่ยนรถใหม่ คิดเยอะขึ้นในเรื่องของการต่อประกันภัยรถ แต่ถ้าทั้งหมดดีต่อชีวิตเรา ดีต่อสุขภาพของคนที่เรารักและดีต่อโลกใบนี้ เราว่าการลงทุนเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยนะ